จากที่ได้กระแสตอบรับแบบล้นพ้นในเรื่องของงูเขียวน้อยกรีนแมมบ้า กอปรกับทางวู้ดดี้ได้รับปากว่าจะมีบทความมาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของการรักษาโดยการฉีดเซรุ่ม (Serum) จึงยอมหักห้ามใจตัดทอนเวลานอนลงซะหน่อยเพื่อที่จะนำเรื่องที่ติดค้างเอาไว้มาให้รับชมกันก่อน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเกริ่นกันเบาๆกันก่อนเรื่องประเภทของพิษงูก่อนดีกว่าว่ามีกี่ประเภทเพื่อที่จะได้เข้าใจเรื่องการรักษาและการทำงานของน้ำยาวิเศษตัวนี้กัน (รับปากว่าจะสรุปแบบเข้าใจง่ายเพราะกลัวว่าจะพาลเบื่อกันซะก่อนเข้าจุดสุดยอด555)
จากบรรดาสัตว์มีพิษทั้งหมดในโลกกลมๆใบนี้ เราสามารถแบ่งประเภทออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆตามอาการของพิษ ซึ่งก็คือ
1. อาการทางระบบประสาท ก็แน่นอนว่าอาการก็จะต้องเกี่ยวกับระบบประสาทแน่ๆ อาการก็จะเป็นจำพวก หนังตาตก พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายไม่ได้ แน่นหน้าอก รวมถึงหายใจไม่ออก อัมพาตและตายเนื่องจากการหายใจล้มเหลวในที่สุด สมาชิกในกลุ่มแก๊งค์นี้ก็จะมี พระเอกช่วงนี้ เจ้ากรีนแมมบ้า งูจงอาง (พี่ใหญ่) งูเห่า งูสามเหลี่ยม
2.อาการทางระบบโลหิต ในประเภทนี้จะมีอาการปวดบวมที่บริเวณที่ถูกกัดรุนแรงมากกว่าประเภทอื่นและมักมีเลือดออกซึมตามรอยเชี้ยว พูดง่ายๆคือ เหมือนทำให้ระบบเลือดของเราล้มเหลว เกิดภาวะการที่เลือดออกได้ง่าย จะมีทั้งพิษที่ทำให้เกิดเลือดจับตัวเป็นลิ่มในหลอดเลือด จับตัวเป็นก้อนและ พิษที่มีผลทำลายเกล็ดเลือด จนไม่สามารถทำงานได้ อาการก็จะมีเลือดออกตามไรฟัน (ใช้ยาสีฟันชื่อดังก็ไม่หาย) จุดเลือดตามตัว ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเมื่อยตามตัว จนสุดท้ายมีอาการไตวายเฉียบพลันอันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต สมาชิกก็จะมีพวกงูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ และงูหางกระดิ่ง (เฉพาะบางพันธุ์เท่านั้นที่จะมีผลต่อระบบประสาท)
3. อาการทางระบบกล้ามเนื้อ โอกาสที่จะเจอสมาชิกในกลุ่มนี้ค่อนข้างน้อยเนื่องจากจะเป็นจำพวกงูทะเลชนิดต่างๆ โดยอาการจะแสดงตัวค่อนข้างช้า (บางทีถึง 1 วันเลยก็มี) จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วไป อัมพาตบางส่วน ปัสสาวะลดลงและสีจะเข้มขึ้น สุดท้ายก็มักจะเสียชีวิตด้วยอาการไตวายหรือการหายใจล้มเหลว เนื่องจากพิษมันไปทำลายเซลล์กล้ามเนื้อ และปล่อยสารออกมาในกระแสเลือด เกิดเป็นการตกตะกอนและอุดตันในไต (ฟังดูซับซ้อนและใช้เวลา)
![]() | |
| ระบบในร่างกายที่มีผลต่อพิษงูชนิดต่างๆ |
หลังจากที่พอเห็นภาพคร่าวๆเรื่องพิษต่างๆแล้วเราก็มาดูถึงเรื่องของตัวยาที่ใช้ในการรักษากันดีกว่า ซึ่งวู้ดดี้อยากจะพูดถึง เซรุ่มและวัคซีน งงแล้วใช่ไหมครับ ว่ามันมีศัพท์เพิ่มมาอีกตัวได้อย่างไร วัคซีนคืออะไร แล้วมันต่างกันอย่างไร วู้ดดี้จะบอกให้ฟัง
ท้าวความให้เข้าใจกันท้วนหน้าก่อนว่า โดยจริงๆแล้ว ความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้สรรสร้างระบบการป้องกันตัวจากเชื้อโรคที่มีอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว โดยที่ร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) ที่จะทำการสร้างเกราะป้องกันเชื้อโรคตัวเดิมที่เคยได้รับการติดเชื้อมาแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรคเดิมซ้ำสองอีก หรือที่เราเรียกกันว่า "แอนติบอดี้" ทีนี้เวลาที่เราได้รับสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายเข้าไปในร่างกาย รวมถึงพิษด้วย ร่างกายก็ต้องสร้างตัวแอนติบอดี้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น แต่กว่าจะสร้างขึ้นมาได้ ระบบอื่นๆในร่างกายก็คงจะเฉาตายกันไปก่อน เพราะว่าระบบนี้มันช่างกินเวลาซะเหลือเกิน พวกนักวิทยาศาสตร์หัวเส ก็เลยใช้วิธีสกัดเอาตัวสารภูมิคุ้นกันสิ่งแปลกปลอมนั้นมาฉีดใส่ในร่างกายที่ได้รับพิษซะเลย เป็นการลัดขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากเกินไป ซึ่งสารที่สกัดมาจากที่อื่นเนี่ย เราก็จะเรียกมันว่า "เซรุ่ม" ส่วนทาง "วัคซีน" เนี่ยจะแตกต่างกันนิดหน่อย แต่ก็ยังเกี่ยวเนื่องอยู่กับระบบภูมิคุ้นกันของร่างกายอยู่ดีแต่เปลี่ยนจากที่ฉีดภูมิคุ้นกันโดยตรงเลยมาเป็น ใส่ตัวเชื้อโรคของโรคนั้นๆที่ได้ทำการฆ่าให้ตายหรือทำให้หมดฤทธิ์ไปก่อนแล้วให้ร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง คือเหมือนว่ามองการณ์ไกลไปแล้วว่าโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย ก็ป้องกันตัวใส่เกราะไว้ก่อนเลย โรคพวกนี้ที่ดังๆก็จะมีทั้ง โปลิโอ ไอกรน ไวรัสตับทั้งหลาย รวมทั้งไข้หวัด 2009 ด้วย
| ภาพระบบภูมิคุ้นกันง่ายๆในร่างกายเรา : จะเห็นได้ว่ามีขั้นตอนหลายขั้นเหมือนกัน |
สรุปง่ายๆถ้าสิ่งแปลกปลอมเหมือนผู้ร้าย ตัวเราเหมือนบ้าน เซรุ่มจะเหมือนว่า เราเรียกตำรวจเข้าไปจับแม่งเลย เวลามันบุกรุกเข้ามาขู่กรรโชก หรือว่าปล้นบ้านเรา แต่วัคซีนจะเหมือนกันว่า เรามีจับตัวผู้ร้ายมันมาตัวนึงแล้วจ้างมันเป็นสปายหรือนกรู้ คอยบอกวิธีป้องกันบ้านเราจากแก๊งค์ของมัน มันจะได้ไม่มาปล้นบ้านเรา พูดแบบนี้แล้วนึกถึงหนัง Godfather จังเลย
จากที่ได้เอ่ยมาแล้วในข้างต้น ว่าเซรุ่มเนี่ย จะถูกสกัดมาจากที่อื่น ซึ่งโดยปกติแล้ว จะถูกสกัดเป็นของเหลวออกมาจากเลือดของสัตว์ที่ได้รับเชื้อโรคหรือพิษที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงแล้ว ปล่อยทิ้งไว้จนร่างกายของสัตว์ตัวนั้นสร้างภูมิคุ้มกันมาได้ สัตว์ผู้โชคดีส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นม้าหรือกระต่าย (เป็นการยืนยันได้ว่า ม้านั้นร่างกายแข็งแรงกว่าเราเยอะ แต่กระต่ายนี่ซิ -_-")
![]() |
| รูปในประวิติศาสตร์ของการผลิตเซรุ่มโดยฉีดเชื้อโรคเข้าไปในม้า |
![]() |
| เซรุ่มพิษงูที่สถานเสาวภาผลิตได้ สังเกตได้ยังไม่มีของกรีนแมมบ้าและงูทะเล T_T |
ทิ้งท้ายไว้ก่อนจบว่า ทั้งเซรุ่มและวัคซีนทั้งหลาย ก่อนฉีดเข้าสู่ร่างกาย ยังไงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเพราะอย่าลืมว่าทั้งสองชนิดถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ถูกนำเข้าร่างกาย ถ้าร่างกายไม่อยู่ในสภาวะที่พร้อม อาจเกิดผลร้ายมากกว่าผลดีครับ อย่างที่บอกว่าการถูกงูกัด ไม่จำเป็นจะต้องรักษาโดยเซรุ่มเสมอไป อาจใช้เป็นการรักษาจุดต่อจุดก็เป็นได้ ทั้งนี้อยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์และอาการของผู้ป่วยครับ ถ้าจะเปรียบเสมือนการทำธุรกิจ ก็คงบอกได้เหมือนกันว่า ทุกอย่างทุกปัญหา มีทางแก้ได้หลายทาง อย่าไปยึดติดที่ทางใดทางหนึ่งแต่อย่างไรก็ตาม ทางแก้ปัญหาแต่ละอย่างที่คิดมา อาจจะต้องทำการทดลอง (Pilot test) หรือปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาก่อน (Specialist) ก็น่าจะทำให้อุ่นใจกว่าที่จะดุ่มๆเดินหน้าตรางอย่างไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้กันเลยทีเดียว อย่าลืมนะครับ สติและประสบการณ์ ช่วยคุณได้เสมอ (น้ำท่วมก็ช่วยได้ ^_^ )
เรามาสร้างภูมิคุ้มกันกันเหอะ
วู้ดดี้ เกิดมาแอนติบอดี้
13 NOV 2011
PS. จากรูปแรก จะเห็นว่าวงการเครื่องสำอางค์มีการผสมผสานความสวยงามกับเซรุ่มงูได้ด้วย เหมือนเป็นการสอนว่า ความสวยมักคู่กับ "พิษ" 5555
![]() |
| อีกตัวอย่าง ของนวัตกรรมความงาม |
Ref:
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/snake/venom.htm
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=2549&mul_source_id=003655
http://203.157.15.6/ktext/manualAEFI/aefi_m2.htm
http://www.historyofvaccines.org/content/horse-serum
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhp9U_O_QGzNvvMwBEGBU0KZSITjABFPOHQ8tu0qD4g4Nel9FzGopIfK1O_JhD_Z33ZYHtSkHAIwh6bLx2-7nhMlbQny8c8MkIWgmnxKvERMtWPisBJTEAUZb119Ivfn2jwSr0chwK_tek/s1600/immune+system+work.JPG
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Snake_bite_symptoms.png
http://www.liftake.at/english_information
http://indianews99.com/technology/rodial-glamoxy-snake-serum-is-coming-to-australia-at-myer/
http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=104
http://graphictravelsnake.blogspot.com/
http://kanchanapisek.or.th/kp7/science/Snake.html
http://guru.sanook.com/answer/question/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1
http://www.saovabha.com/th/product_serum.asp?nTopic=2








0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น