วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฝากท้องกับวู้ดดี้ เกิดมากิน - ส้มตำโบราณ แห่งเมืองล้านนา


จากที่คราวที่แล้ว วู้ดดี้ได้สะเด่าเรื่องของกินให้ได้รับชมกันมาบ้าง วันนี้ได้มีโอกาสอีกครั้งที่จะแนะนำและสาธยายให้ทุกๆคนได้รับรู้และลิ้มรสสารอาหารจากร้านอาหารอร่อยๆถูกปากประชาชนชนชั้นธรรมดาๆอย่างวู้ดดี้กัน วันนี้ขออนุญาติขึ้นเหนือ ไปที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ อะแน่นอนถ้าเอ่ยถึงภาคเหนือ คงหนีไม่พ้น บรรดาอาหารเหนือมากมายก่ายกอง ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมจีนน้ำเงี้ยว แคปหมู น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม หรือว่า จะเป็นไส้อั่ว แต่ขอโทษ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ มันธรรมดาเกินไป ฮ่าฮ่า เพราะว่าอาหารที่วู้ดดี้จะหยิบ ยกมานั้น คือ “ส้มตำ โบราณ” ซึ่ง ธรรมด๊า ธรรมดาเกินกว่ามาก กร๊ากกกกกกกก (ขอประทานโทษ ถ้าวันนี้มาแนวดูโรคจิต) ที่พูดมาอาจจะดูฟังธรรมดานะครับ แต่อยากจะบอกว่า รสชาติไม่ได้ธรรมดาเหมือนชื่อนะครับ ถ้าใจกล้าขึ้นชื่อหลาว่า “ส้มตำโบราณ สาขา 2” แล้ว ผมเดาได้เลยว่าของแรงแน่นอนครับพี่น้อง

ณ ช่วงเวลาที่ได้ก้าวย่างเข้าไปในร้าน (จะเรียกว่าร้านก็ลำบากใจ ขอเรียกว่าเพิงดูจะเหมาะสมกว่า) รู้ตัวทันทีครับว่า ชื่อร้านและข้อครหาเรื่องส้มตำ ไม่ได้มาด้วยการอวดอ้างสรรพคุณเล่นๆ เพราะแค่เมนูตำอย่างเดียว พี่แกยังล่อเข้าไปประมาณเกือบ 20 เมนูได้แล้ว ไม่อยากจะพูดถึงเมนูเบสิคๆอย่าง ตำไทย ตำลาว ตำปูปลาร้า ที่เด็ดดวงแบบกินไปปากห้อยไปแต่ก็ยังสบถออกมาเป็นคำว่าอร่อย พอมาเจอเมนู ตำผลไม้เข้าไป ก็ลอยทะยานขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (อาจจะเป็นไปได้ที่จะลอยไปถึงสวรรค์เร็วกว่าที่กรุงเทพ เพราะว่าเชียงใหม่อยุ่สูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร เลยเดาว่าน่าจะย่นระยะเวลาไปได้หน่อย) จากที่ได้ถล่มร้านป้าเค้าเกือบๆทุกเมนู แถมเบิ้ลตำผลไม้ไปอีกจานเนื่องจากความเอร็ดของมัน เสียดายอย่างเดียวที่อาหารจำพวกย่างๆทั้งหลาย มันดันหมดไปซะก่อน เลยได้ชิมเพียงแค่ไก่ย่างกับหมูน้ำตกนิดหน่อยเท่านั้น คิดดูละกันครับ เวลาตอนนั้นประมาณบ่ายสอง แต่ว่าหมดแล้ว ทั้งๆที่ป้าเค้าบอกว่าร้านเค้าปิดตอนประมาณ 6 โมง โอ่ว! จะบ้ารึเปล่า จะเร็วไปไหน แล้วจะไม่รีบมากินได้ยังไงไหว (แต่อยากบอกว่าแค่หมูน้ำตกก็แทบลงไปนอนดิ้นตายที่ริมถนนนิมมานแล้วครับ) ทีเด็ดอีกอย่างของที่ร้านน่าจะเป็นแคบหมู ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารด้วยความเค็ม กรอบ มัน ที่คอยขับดันรสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน ของอาหารให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าบางคนที่ไม่ชอบแบบติดมัน ก็มีแบบไร้มันมาให้เลือกด้วย แต่โดยส่วนตัวแล้ว ชั่วโมงนี้ขอลืมเรื่องคอเลสตอรอลไปจนหมดสิ้นก่อนดีกว่าครับ แล้วกลับบ้านค่อยไปเข้าฟิตเนสกันทีหลัง ก็เลยกระซวกเข้าไป 9 ถุง (สารภาพอีกเรื่องว่า อายมากที่จะบอกว่า ล้างราการไปฟิตเนสถึง 3 เดือนแล้ว T_T) ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้ว ยังพอมีพื้นที่พอที่จะใส่อาหารลงไปย่อยในกระเพาะลูกน้อยๆของเราอยุ่ แนะนำของดีของเมืองเหนืออีกอย่างเลยครับ ยกมือขึ้นมาสุงๆแล้วตะโกนดังๆว่า ขนมจีนน้ำเงี้ยว ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมของน้ำซุป เอามาซดให้คล่องคอ มีรสชาติ มันเค็มโดด แฝงด้วยรสหวานน้อยๆของมะเขือ ครบเครื่องตามสุตรความสำเร็จของ น้ำเงี้ยวสูตรต้นตำรับ คลุกคลิกด้วยเลือดก้อนๆ ไม่แข็งไปไม่นิ่มไป รสชาตพอดีไปด้วยกันได้กับหมูสับชิ้นเล็กๆที่แฝงตัวอยู่ในกระพุ้งแก้ม ใครจะไปอดใจไหวครับ

ใครจะรู้ว่า มื้อนั้น กินไปเกือบหมดร้านจนคนขายต้องออกมาเดินดูว่า นั่นคืออากัปกิริยาที่เรียกว่า กินหรือว่า แ...กกันแน่ เบ็ดเสร็จเก็บเงินออกมาแทบหงายหลัง อะอะ ไม่ใช่ว่าแพงนะครับ แต่ว่าถูกมากๆจนคิดว่าคิดผิดรึเปล่า เฉลี่ยออกมาแค่คนละร้อยนิดๆ มายก๊อด! แล้วอย่างงี้จะไม่ลองจัดหาเวลามาล้างตากับป้าเค้าอีกซักรอบได้เหรอครับ ถ้าอยากแวะมาก็ลองมาชิมได้ที่ซอย นิมมานเหมินท์ ซอย 4 ข้างๆ นิมมาน พรอมิเนดที่เป็นเหมือนช็อปปิ้งเพลสอ่ะครับ หาไม่ยากครับ รับรองว่าจะได้ประสบการณ์ท้องบวมกลับบ้านเหมือนวู้ดดี้แน่นอนครับ

ผึ่งพุงครับ

วู้ดดี้เกิดมากิน
30 Oct 2010
Halloween Eve ณ เชียงใหม่

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More