วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Army of Darkness (1993) อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการเอฟเฟกขั้นเทพพพพพ


ถ้าจะให้พูดถึงเหตุการณ์แรกเริ่มของบทความนี้ คงต้องเสียเวลานั่งย้อนหลังกลับไปเกือบจะประมาณสองทศวรรษได้ที่วู้ดดี้ได้มีโอกาสเสพยอดมหากาพย์ตอนต่อจากหนังยอดฮิตสมัยนั้นของ Raimi อย่าง The Evil Dead ที่ทำออกมาให้ประชาชนชาวโลกได้ยลโฉมกันถึงสองภาค คือถ้าจะว่าไปแล้วภาคนี้ก็เหมือนว่าจะเป็นภาคสามนั่นละ ซึ่งนั่นคงจะพอช่วยการันตีได้อยู่ว่ามันน่าจะมีดีอะไรซักอย่างละน่าที่ทำให้ผู้สร้างถึงกล้าลงทุนทำหนังแนวแบบนี้ที่ว่ากันว่าน่าจะทุนการสร้างสูงอยู่เหมือนกันในสมัยนั้น (ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ทุนในการสร้างหนังเรื่องนี้ไม่ได้สูงอะไรเลย สังเกตได้จากที่ตัวแสดงหัวกะโหลกทั้งหลาย บางครั้งดูอวบอั๋นขึ้นมาเฉยๆเพราะว่าใช้คนมาใส่ชุดเอาเลยแบบแมนๆครับ แต่อย่างว่าครับสมัยนั้นได้แค่นี้ก็ สุโค่ยมากแล้ว) ลองจินตนการดูนะครับว่า ถ้าคุณเป็นเด็กผู้ชายที่มีขนาดหัวยังไม่ค่อยจะใหญ่ไปกว่าลูกบอลเบอร์ห้า แล้วได้มีโอกาสดูหนังไล่ล่าฆ่าฟันซอมบี้ที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านรูป แสง สี เสียง ที่สุดยอดมากๆในขณะนั้น แน่นอนที่คุณจะต้องปล่อยอารมณ์ไหลไปตามกระแสของหนัง พร้อมทั้งร่ายรำบทเพลงการบู๊ล้างผลาญ ผสมผสานกับการเอาใจช่วยพระเอกของเรื่องให้ปราบปรามศัตรูร้ายให้หมดสิ้นไป ถ้าจะให้พูดกันตามตรงนั้น ผมจำเนื้อเรื่องอะไรของหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ จำได้เพียงฉากที่พระเอกกระโดดขึ้นจากบ่อน้ำที่ถูกผลักตกลงไปแล้วยกมือขึ้นสวมเข้ากับเลื่อยไฟฟ้าอาวุธคู่กายเพื่อที่จะป้องกันตัวเองจากผีร้าย (จะเรียกว่าอาวุธคู่กายได้รึเปล่าเนี่ย เพราะเห็นเลื่อยไฟฟ้าบ้าเนี่ย ออกมาอยู่ไม่เกินสามตอน) เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะความทรงจำเรื่องต่างๆที่พุ่งผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้เรื่องราวในตอนเด็กๆบางช่วง มันถูกกระแทกหล่นไปบ้างในฐานที่หน่วยความจำในสมองมันมีขนาดที่ค่อนข้างจำกัด เพราะฉะนั้นวู้ดดี้จึงไม่ลังเลที่จะหยิบดีวีดีแผ่นออกมาจากชั้นวางแทบจะทันทีที่เห็นหน้าปกเพื่อที่จะมารื้อฟื้นความทรงจำวัยเด็กกันซะหน่อย

วินาทีก่อนที่จะดูหนังรำลึกชาติเรื่องนี้ วู้ดดี้ตัดสินใจที่จะพูดกับตัวเองซะก่อนหนึ่งเรื่องเพื่อที่จะได้เพิ่มอรรถรสในการดูหนังว่า จะไม่มีอคติกับบรรดาเอฟเฟกขั้นเทพในสมัยก่อนและจะไม่มีการเปรียบเทียบอะไรกับปัจจุบันโดยเด็ดขาด อีกทั้งจะต้องพยายามบีบๆนวดๆอายุสมองของตัวเองให้กดลงไปอยู่ที่วัยกำลังเจริญเติบโตให้จงได้เพื่อที่จะรำลึกชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และแล้วหนังเรื่องนี้ก็ได้ฉายขึ้นอีกครั้งต่อหน้าต่อตาพร้อมทั้งได้สอนสั่งให้วู้ดดี้ได้เห็นถึงสัจธรรมของการเจริญเติบโตของวงการภาพยนตร์โลกเลยทีเดียว (อาจฟังดูเว่อร์ แต่มันตื้นตันใจจริงๆ) เนือ้หาหนังยังเหมือนเดิมคือ พระเอกถูกย้อนยุคกลับไปที่โลกเก่าสมัยอัศวินโบราณ แต่มันไม่ชิลขนาดนั้นนะซิ เพราะว่ามีกองทัพปีศาจที่ออกมาจากหนังสือเวทย์มนต์บ้าคอยอาละวาดและตามเสาะหาหนังสือเล่มนี้เพื่อที่จะครอบครองให้ได้เพราะเชื่อว่าถ้าครอบครองแล้วจะได้ครองโลก เป็นไงครับ ฟังแค่นี้ก็เดาเรื่องได้เกือบหมดแล้วละซิ แต่ขอโทษครับอย่าลืมว่าเราจะมีอคติไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงชมต่อไปจนจบ เพราะว่าจะมีฉากจบที่เป็นไฮไลท์หักมุมแบบคันๆให้มึนเล่นๆ (อันนี้ต้องดูเองนะครับ) มาพูดถึงเรื่องเอฟเฟ็กหรือCG ทั้งหลายกันดีกว่า เพราะว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ปล่อยของมาเยอะทีเดียวถ้าเทียบกับหนังสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกองทัพหัวกะ โหลก คนตัวเล็ก เอฟเฟ็กแต่งหน้าผี โอ๊ย!! ตราตรึงครับ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องระเบิด ปืนไฟ ธนูทั้งหลาย ขนมาหมด มีการทำรถแบบพิเศษติดกังหันเหล็กคอยฟันบรรดาซอมบี้กระโหลกด้วย เป็นไงครับ จินตนาการพี่เค้า บรรเจิดมะ เรื่องการดำเนินเรื่องก็มีการแฝงมุมตลกแบบไม่กั๊กกันเลย ทั้งท่าทางการกวนประสาทของพระเอกหนุ่ม (Bruce Campbell) หรือ แม่ทัพผีตัวก็อปปี้พระเอกอีกก็ฮามาก ดูหนังอย่าเครียดครับ เอามันส์ดีกว่า (นี่ไม่กล้าจินตนาการว่าถ้ามีภาคสี่ มันคงกลายเป็นหนังตลกแบบเต็มตัวไปเลยทีเดียวเพราะว่ายิ่งทำยิ่งตลก ไม่มีการหลอนเหมือนภาคแรกๆซะแล้ว) โดยส่วนตัวไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันรึเปล่า ที่เวลากลับไปดูหนังเก่าทีไร มันจะเหมือนมีกลิ่นๆของหนังสมัยนี้แฝงอยู่กรุ่นๆ ประมาณว่า คนสร้างหนังสมัยนี้มันก็ได้แรงบรรดาลใจมาจากพวกหนังสมัยก่อนทั้งนั้นละ ทั้งจากฟากตะวันออกตะวันตก โลกเราสมัยนี้มันแคบละครับไอ้บรรดาหนังเอเชียหนังฝรั่งมันก็ผสมๆกันหมดแล้ว มีอย่างที่ไหนสมัยก่อนมีการยืนตั้งท่าซ้อมฟันทวน มันช่างเหมือนหนังจีนกำลังภายในของเราไม่มีผิดเพี้ยน แต่เชื่อมะว่า ฉากนี้เป็นฉากที่ทำให้วู้ดดี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแบบไม่เกรงใจข้างบ้านเลยทีเดียว เอาเป็นว่าสปอยล์เรื่องนี้ละ แหม นี่มันหนังแห่งความทรงจำสมัยเด็กกันเลยทีเดียวนะ ไปหาดูกันครับ ไม่ผิดหวังหรอก อย่างที่บอกแต่ตอนต้นแล้วว่าอย่าคิดมากกกกก

ปล. ดูจบแล้วมาสะดุดที่หน้าปกว่า อีตา Reimi มันสร้างหนังเรื่อง Spiderman ด้วยเหรอ ก็เลยรู้ทีหลังว่าเฮียเค้าสร้างชื่อมาจากเรื่องนี้ แล้วได้รับเลือกให้กำกับ Spiderman หมดทั้งสามภาคเลยครับ เรียกว่าได้ดีเพราะซอมบี้กันเลยทีเดียว เจ๋งป่ะละ

ย้อนเวลาไป ย้อนเวลามา ตกลงได้แฟนมันทุกยุค 555
วู้ดดี้ เกิดมาคุ้ย
24 July 2011

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More