วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผี : ความกลัว Preview

01/10/10 วันที่เกือบสวย

จากที่ได้เอ่ยอ้างสรรพคุณของงานนิทรรศการก่อนที่จะได้ไปชมมาแล้ว พอมีโอกาสและเวลาที่ได้แวะเวียนผ่านสถานีระบบการขนส่งที่สะดวกสบายของกรุงเทพ จึงไม่ลังเลใจที่จะก้าวกระโดดข้ามธรณีประตูรถไฟฟ้าสถานีชิดลมมุ่งหน้าเข้าสู่สถานีพร้อมพงษ์อันเป็นที่ตั้งของนิทรรศการที่น่าสนใจอันนี้ ลองเข้าไปดูตามรูปที่ได้ลงไว้ได้เลยครับ ว่ามันจะเป็นอย่างไร



หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมดูนิทรรศการ ผี: ความกลัวตามที่ได้เกริ่นนำไปก่อนเมื่อบทความที่แล้ว พูดตามตรงว่าค่อนข้างจะผิดแปลกแตกต่างจากมุมมองที่ได้มองเรื่องผีไปนิดหน่อย เพราะถ้าจะให้เดาระบบความคิดของคนธรรมดาทั่วๆไปที่จะเข้ามาเสพเรื่องผีสางนางไม้ต่างๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นที่อยากจะทราบเรื่องราวความเป็นมาหรือว่าความน่ากลัวของผีแต่ละตน ว่าได้ไปบีบคอ อาละวาดให้ชาวบ้านตื่นกลัวมากแค่ไหนหรือว่ามีอิทธิฤทธิ์ต่างๆนานาที่จะสามารถบันดาลให้เกิดมีตัวเลขลอยกระเด็นเข้ามาในระบบความทรงจำของเราแล้วแปรผันเงินในกระเป๋าให้กลายเป็นล็อตเตอรี่นั่นเอง แต่นี่มันเป็นเรื่องราวการจัดการที่หยิบยกเอาเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ความหวาดกลัวกับสิ่งที่คาดเดาไปเองหรือว่ามองไม่เห็น ผนวกกับการนำเอาหลักทางจิตวิทยามาเสริมและสร้างให้เกิดเป็นเรื่องราวคำสอนหรือว่าทำให้เป็นประเพณีวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวและเป็นธรรมชาติ มาตั้งแต่ชนชั้นโบราณ มีหลายๆอย่างที่ถ้ามองในมุมกลับกัน อาจมองว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่ในช่วงเวลาสมัยก่อนนั้นหรือเป็นการดำเนินตามรอยคนเฒ่าคนแก่ที่เคยทำมาแต่นมนานแล้ว ก็สามารถที่ทำให้เราเลือกที่จะมองข้ามเหตุและ ผลตามหลักตรรกศาสตร์ไปได้ จึงรู้สึกและสัมผัสได้เลยว่า ไอ้คนที่ทำนิทรรศการนี้ขึ้นมาเนี่ย มันคงต้องเป็นคนที่คิดลึกคิดเยอะระดับนึงเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมในปัจจุบัน ไม่นับแค่ประเทศไทยนะครับ รวมไปหมดทั่วทั้งดาวเคราะห์กลมๆใบนี้เลยครับ เพราะว่าการที่จะประดิษฐ์หรือว่าพัฒนาต่อยอดในสิ่งต่างๆ มันก็มาจากการคิดนอกกรอบหรือว่าคิดในอีกแง่หนึ่งที่คนอื่นๆได้มองข้ามนั่นเองละ มิฉะนั้นมันจะมีคำว่า Think out of the Box ได้เหรอครับ



วิวัฒนาการจัดการความกลัว

จากการกราบไหว้ท้องฟ้า สู่การเคารพนับถือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ จนถึงการถวายมาลัยบูชาเทพแก่นแท้ของความกลัวไม่เคยเปลี่ยนแปร

แต่"กระบวนการจัดการ" กับความเชื่อเหล่านี้ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความซับซ้อนของสังคม และการไหล่บ่าปะทะเข้าหากันของวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น จนเกิดเป็นพิธีกรรมกราบไหว้และเซ่นบวงสรวงสังเวยบูชา การอุปโลกน์ผู้แทนในรูปของหมอผีและคนทรงเจ้ารวมถึงเทศกาลงานละเล่นเพื่อทั้งคลายความกลัวและสร้างความอุ่นใจ


เชื่อผี+การจัดการ = เทศกาลเงินล้าน

ตำนานและพิธีกรรมพื้นบ้านสร้างเอกลักษณ์ให้กับวิถีชีวิตในแต่ละชุมชน เมื่อผสมผสานกับการจัดการที่เป็นระบบ สัญลักษณ์ทางความเชื่อและพิธีกรรมหลากรูปแบบจึงกลายเป็นงานศิลป์และเทศกาลงานฉลองร่วมสมัยระดับโลก อาทิ เทศกาลบุญบั้งไฟ หรือ ผีตาโขน (ตามรูป)


กุมารทอง เครื่องมือแสดงถึงการหากินกับความกลัว

มนุษย์ทุกคนย่อมมีความกลัว ความโลภที่อยากจะได้ในสิ่งที่ตนเองไม่มี กุมารทองก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่โยงมาในเรื่องประเภทเช่นนี้ได้ การที่อุปโลกเครื่องรางชนิดหนึ่งโดยใช้ความโศกเศร้าเสียใจของการเสียลูกในท้องหรือว่าการเสียชีวิตทั้งแม่และลูกในท้อง ผสมผสานกับความกลัวที่วิญญาณความโศกเศร้าจะยังมาวนเวียนตามหาลูกอะไรก็ตาม มาทำเป็นเครื่องรางพกติดตัว คอยคุ้มกันภัยอันตรายจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย แม้นว่าปัจจุบันการทำกุมารทองโดยใช้เด็กจริงๆจะไม่สามารถทำได้แล้ว แต่กลวิธีการจัดการในยุคสมัยปัจจุบันก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นตุ๊กตาดินเผาหรือว่าไม้มงคลแกะแทน แล้วใช้กรรมวิธีการปลุกเสกที่ดูน่าเชื่อถือมาเป็นตัวกลบจุดที่ขาดไป
 

กระดาษเงิน กระดาษทอง การผสมผสานระหว่างโลกใหม่และโลกเก่าอย่างลงตัว

แน่นอนครับว่าทุกๆคนย่อมอยากได้ความสะดวกสบาย ไม่นับว่าจะเป็นตอนที่มีชีวิตอยู่หรือว่าย้ายสัมมะโนครัวไปที่โลกหน้าแล้ว ธุรกิจทางด้านนี้ ก็ถือว่าเป็นการจัดการโดยใช้หลักความเชื่อที่ว่า คนที่อยู่ทางด้านโลกนู้นจะได้รับของที่ส่งมาจากทางโลกนี้ได้วิธีเดียวก็คือการเผา กระดาษเงินกระดาษทองจริงได้มีบทบาทในการเป็นตัวแทนของขวัญจากลูกหลานที่อยากให้บรรพบุรุษมีเงินใช้กันอย่างสบายใจ (เคยนึกมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า เผาเงินเผาทองไปให้กันเยอะขนาด นี้แล้ว นึกไม่ออกจริงๆ ว่าก๋วยเตี๋ยวที่โลกนู้น มันจะชามละเท่าไหร่กันวะ ตามหลักของ Demand Supply แล้ว เงินเยอะขนาดนี้ คงต้องบวกราคากันมันส์ไปเลยแน่นอน) ธุรกิจกระดาษเงินกระดาษทองจึงเป็นธุรกิจที่มีวงเงินมหาศาลหมุนเวียนอยู่ในตลาด และแน่นอนต้องปรับเปลี่ยนหมุนไปตามกระแสปัจจุบันด้วย เพื่อที่จะมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่นอีกด้วย ดังนั้นเราจึงได้เห็นอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ Ipod Ipad หรือแม้แต่บัตรเครดิตต่างๆ แปรสภาพเป็นกระดาษเพื่อที่จะเผาไปให้บรรพบุรุษได้ถือโก้กันที่โลกนู้น

 ของจัดไหว้
 หัวหมู


ไม่นับแค่คนไทยหรือว่าคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น เพราะว่าฝรั่งตาน้ำข้าวก็มีกลวิิธีการจัดการไม่แพ้เราเหมือนกัน เทศกาลฮัลโลวีนเป็นอีกตัวอย่างที่เห็นได้ถึงการอุปโลกความเชื่อต่างๆ มาเป็นงานเทศกาลประจำปีขนาดใหญ่เรียกเงินมาได้มหาศาลจากการที่จะต้องจัดงาน ดึงดูดทั้งคนท้องที่หรือนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกดินแดนในโลก เชื่อรึเปล่าว่า งานวันฮัลโลวีนเป็นงานที่ประชาชนใช้เงินมากเป็นอันดับห้า
.
.
แล้วสงสัยป่ะ ว่าอะไรอันดับหนึ่ง ลองทายกันดูละกันครับ


ในงานไม่ได้มีแต่เรื่องเครียดๆอย่างเดียวนะครับ มีมุมให้เยี่ยมชมผีต่างๆ ตามที่เราคาดหวังอยากจะเห็นด้วย แน่นอนจะขาดอะไรไปไม่ได้ตามรูปครับ คุณกระสือนั่นเอง โดยส่วนตัวผมว่าเจ้แกเค้าหลอนสุดเลยนะครับ เพราะว่าเคลื่อนไหวอยู่คนเดียว เดินเพลินๆ อาจะกรี๊ดแต๋วแตกได้ ระวังหน่อยละกันนะ


จนจบตอนท้าย ก้ได้มีการบอกเล่าถึงประวัติหนังผีไทย รวมถึงมีการโชว์หนังสือการ์ตูนสมัยก่อนที่ได้รับการเสกสรรโดย ครูเหม ศิลปินชื่อดังสมัยก่อนที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนทำหนังผีสมัยใหม่เกือบทั้งหมด รวมถึงรวบรวมหนังผีที่ได้รับความนิยมและมีแนวทางการทำหนังที่น่าสนใจ เรียกว่าครบเลยครับ คนที่รักหนังผี ไม่ควรพลาดจริงๆ

ส่วนตัวมีเอาเรื่อง "ผีน้อยคิทาโร่" ที่เป็นการ์ตูนสมัยก่อนมาให้ดูด้วย คิดถึงใจจะขาด

เก๊ะ เก๊ะ เก๊ะเก๊ะกิโนเกกกกกกกกก เสียงเพลงยังคงหลอกหลอนอยู่ในทุกโสตประสาท (อยากรู้เพลงนี้ร้องยังไง น่าจะต้องลองไปดูหรือหาทางยูทูปคนดังนะครับ)


มีคำคมปิดท้ายก่อนเดินออกจากนิทรรศการด้วย

อิ่มเอิบใจครับ บอกได้คำเดียว ฝันดีแน่นอน ฝันถึงเจ้กระสือด้วย ทำเราเกืือบหลุดแอ๊บไป อิอิ

วู้ดดี้เกิดมาหลอน (มากขึ้นไปอีก)
01 Oct 2010

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More