01/10/10 วันที่เกือบสวย
จากที่ได้เอ่ยอ้างสรรพคุณขอ
หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมดูนิทรรศการ ผี: ความกลัวตามที่ได้เกริ่นนำไปก่อนเมื่อบทความที่แล้ว พูดตามตรงว่าค่อนข้างจะผิดแปลกแตกต่างจากมุมมองที่ได้มองเรื่องผีไปนิดหน่อย เพราะถ้าจะให้เดาระบบความคิดของคนธรรมดาทั่วๆไปที่จะเข้ามาเสพเรื่องผีสางนางไม้ต่างๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นที่อยากจะทราบเรื่องราวความเป็นมาหรือว่าความน่ากลัวของผีแต่ละตน ว่าได้ไปบีบคอ อาละวาดให้ชาวบ้านตื่นกลัวมากแค่ไหนหรือว่ามีอิทธิฤทธิ์ต่างๆนานาที่จะสามารถบันดาลให้เกิดมีตัวเลขลอยกระเด็นเข้ามาในระบบความทรงจำของเราแล้วแปรผันเงินในกระเป๋าให้กลายเป็นล็อตเตอรี่นั่นเอง แต่นี่มันเป็นเรื่องราวการจัดการที่หยิบยกเอาเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ความหวาดกลัวกับสิ่งที่คาดเดาไปเองหรือว่ามองไม่เห็น ผนวกกับการนำเอาหลักทางจิตวิทยามาเสริมและสร้างให้เกิดเป็นเรื่องราวคำสอนหรือว่าทำให้เป็นประเพณีวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวและเป็นธรรมชาติ มาตั้งแต่ชนชั้นโบราณ มีหลายๆอย่างที่ถ้ามองในมุมกลับกัน อาจมองว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่ในช่วงเวลาสมัยก่อนนั้นหรือเป็นการดำเนินตามรอยคนเฒ่าคนแก่ที่เคยทำมาแต่นมนานแล้ว ก็สามารถที่ทำให้เราเลือกที่จะมองข้ามเหตุและ ผลตามหลักตรรกศาสตร์ไปได้ จึงรู้สึกและสัมผัสได้เลยว่า ไอ้คนที่ทำนิทรรศการนี้ขึ้นมาเนี่ย มันคงต้องเป็นคนที่คิดลึกคิดเยอะระดับนึงเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมในปัจจุบัน ไม่นับแค่ประเทศไทยนะครับ รวมไปหมดทั่วทั้งดาวเคราะห์กลมๆใบนี้เลยครับ เพราะว่าการที่จะประดิษฐ์หรือว่าพัฒนาต่อยอดในสิ่งต่างๆ มันก็มาจากการคิดนอกกรอบหรือว่าคิดในอีกแง่หนึ่งที่คนอื่นๆได้มองข้ามนั่นเองละ มิฉะนั้นมันจะมีคำว่า Think out of the Box ได้เหรอครับ
วิวัฒนาการจัดการความกลัว
จากการกราบไหว้ท้องฟ้า สู่การเคารพนับถือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ จนถึงการถวายมาลัยบูชาเทพแก่นแท้ของความกลัวไม่เคยเปลี่ยนแปร
แต่"กระบวนการจัดการ" กับความเชื่อเหล่านี้ปรับเป
เชื่อผี+การจัดการ = เทศกาลเงินล้าน
ตำนานและพิธีกรรมพื้นบ้านสร้างเอกลักษณ์ให้กับวิถีชีวิตในแต่ละชุมชน เมื่อผสมผสานกับการจัดการที่เป็นระบบ สัญลักษณ์ทางความเชื่อและพิธีกรรมหลากรูปแบบจึงกลายเป็นงานศิลป์และเทศกาลงานฉลองร่วมสมัยระดับโลก อาทิ เทศกาลบุญบั้งไฟ หรือ ผีตาโขน (ตามรูป)
กุมารทอง เครื่องมือแสดงถึงการหากินกับความกลัว
มนุษย์ทุกคนย่อมมีความกลัว ความโลภที่อยากจะได้ในสิ่งท
กระดาษเงิน กระดาษทอง การผสมผสานระหว่างโลกใหม่และโลกเก่าอย่างลงตัว
แน่นอนครับว่าทุกๆคนย่อมอยา
ของจัดไหว้
หัวหมู
.
.
แล้วสงสัยป่ะ ว่าอะไรอันดับหนึ่ง ลองทายกันดูละกันครับ
.
แล้วสงสัยป่ะ ว่าอะไรอันดับหนึ่ง ลองทายกันดูละกันครับ
ในงานไม่ได้มีแต่เรื่องเครียดๆอย่างเดียวนะครับ มีมุมให้เยี่ยมชมผีต่างๆ ตามที่เราคาดหวังอยากจะเห็นด้วย แน่นอนจะขาดอะไรไปไม่ได้ตามรูปครับ คุณกระสือนั่นเอง โดยส่วนตัวผมว่าเจ้แกเค้าหลอนสุดเลยนะครับ เพราะว่าเคลื่อนไหวอยู่คนเดียว เดินเพลินๆ อาจะกรี๊ดแต๋วแตกได้ ระวังหน่อยละกันนะ
จนจบตอนท้าย ก้ได้มีการบอกเล่าถึงประวัติหนังผีไทย รวมถึงมีการโชว์หนังสือการ์ตูนสมัยก่อนที่ได้รับการเสกสรรโดย ครูเหม ศิลปินชื่อดังสมัยก่อนที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนทำหนังผีสมัยใหม่เกือบทั้งหมด รวมถึงรวบรวมหนังผีที่ได้รับความนิยมและมีแนวทางการทำหนังที่น่าสนใจ เรียกว่าครบเลยครับ คนที่รักหนังผี ไม่ควรพลาดจริงๆ
ส่วนตัวมีเอาเรื่อง "ผีน้อยคิทาโร่" ที่เป็นการ์ตูนสมัยก่อนมาให
เก๊ะ เก๊ะ เก๊ะเก๊ะกิโนเกกกกกกกกก เสียงเพลงยังคงหลอกหลอนอยู่
มีคำคมปิดท้ายก่อนเดินออกจากนิทรรศการด้วย
อิ่มเอิบใจครับ บอกได้คำเดียว ฝันดีแน่นอน ฝันถึงเจ้กระสือด้วย ทำเราเกืือบหลุดแอ๊บไป อิอิ
วู้ดดี้เกิดมาหลอน (มากขึ้นไปอีก)
01 Oct 2010














0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น