Oceans - ดำน้ำกันไม๊ (ไม่ต้องดำก็ดื่มด่ำได้) ~ วู้ดดี้เกิดมาเล่า

วู้ดดี้เชื่อว่าการเอ่ยชื่อค่ายหนังดังกระฉ่อนโลกอย่าง Disney เนี่ย คงจะสามารถการันตีความสุดยอดหรือว่าการได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าทางด้านอารมณ์เปรียบเทียบกับเม็ดเงินก้อนที่เราควักจ่ายแลกกับตั๋วหนังหนึ่งใบได้ ใช่แล้วครับ หนังสารคดีอีกเรื่องหนึ่งที่ทาง Disney โปรเจ็คได้ลงทุนลงแรงสร้างมาโดยใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 4 ปีเต็มเพื่อที่จะได้ภาพสะท้อนของท้องทะเลกว่า 50 แห่ง มาให้ตะลึงตึงๆกันว่า บนโลกใบนี้ ยังมีสิ่งสวยงามที่น้อยคนจะได้ลงไปเสพสัมผัสได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาหรือว่าทำใจกระโดดก้าวลงสู่ท้องน้ำทะเลลึกลงไปดู หนังเรื่อง Oceans เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทาง Disney ภูมิใจเสนอหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากปีที่แล้วในเรื่อง Earth ที่เป็นหนังสารคดีแนวเดียวกันแต่เป็นการฉายภาพของบรรดาสิงสาราสัตว์บนพื้นโลกใบนี้ โดยที่ผู้กำกับเรื่อง Oceans นี้มีนามกรว่า ฌาคส์ เพอร์ริน และ ฌาคส์ คลูโซด์ สองผู้กำกับสารคดีมือเอก ชาวฝรั่งเศส (ไม่แปลกใจว่าทำไมในหนังมันพูดแต่ภาษาฝรังเศส แมร่งไม่เข้าใจมันซักกะติ๊ด) ถ้าจะให้พูดนอกเหนือจากบรรดาภาพสัตว์ในท้องทะเลแล้ว คงต้องบอกว่า สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือ นวัตกรรมในการถ่ายทำ ได้ใช้เทคโนโลยีที่นำสมัยมาเก็บภาพประทับใจให้ชมกัน จากเดิมที่กล้องถ่ายใต้น้ำสามารถถ่ายได้ไม่เกิน 6 นาทีต่อครั้ง เป็นถ่ายได้มากกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อที่จะได้ภาพที่สวยงามต่อเนื่องไม่ทำให้อารมณ์สะดุดอย่างไม่มีอรรถรส แต่โดยมุมมองส่วนตัวของวู้ดดี้แล้ว กลับมองสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจและกระตุ้นอารมณ์ให้อยากที่จะติดตามหรือผ่อนคลายไปกับอารมณ์ของหนัง นั่นก็คือ การใช้เสียงดนตรีและ sound effect ยอมรับเลยครับว่าหนังเรื่องนี้ขั้นเทพมากในการทำดนตรีให้ลงตัว ไพเราะเหมาะเจาะมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องอารมณ์ ความรุนแรงยามที่ปลาวาฬเพชรฆาตพุ่งตัวมาโจมตีแมวน้ำเคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินมาที่ริมหาดยามเย็น หรืออารมณ์พิศวงงงงวย ของการละเล่นของปลาเล็กปลาน้อยที่ว่ายวนเวียนอยู่ในท้องทะเลเป็นฝุงก้อนใหญ่ คืออยากจะบอกว่าเพลินเลยจริงๆครับ ทั้งภาพและเสียง ซึ่งพอมาวิเคราะห์แล้ว ม้นอาจจะนับว่าเป็นกลยุทธุ์แฝงของการป้องกันแผ่นผีก็ได้นะ เพราะว่าวู้ดดี้มั่นใจมากว่า ระบบเสียงที่บ้านดียังไง ก้ทำให้เกิดอารมณ์พีคได้ไม่เท่าที่ดูในโรง คือเหมือนจะบอกว่า อารมณ์มันไม่ได้อ่ะครับ ยังไงก็ไม่ได้เหมือนมันไม่สุดอะไรอย่างงั้น ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่ไม่รู้สึกเสียใจและเสียดายกับเงินค่าตั๋วที่เสียไปเลย (ดูที่สกาล่า ไม่แพงอีกต่างหาก)

เป็นธรรมดาครับ ทุกสิ่งอย่างในโลก คงไม่ได้มีแต่ด้านสวยด้านงามแต่อย่างเดียว คงต้องมีด้านมืดปะปนอยู่บ้าง ทางผู้กำกับจึงเลือกที่จะหยิบเอามุมมองการทำร้ายธรรมชาติโดยฝีมือมนุษย์มาให้ชมกันเป็นอุทาหรณ์ ก็เลยมองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า ทุกวันนี้เราได้ทำร้ายธรรมชาติมากแค่ไหน นอกเหนือจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทุกๆวันแล้ว ก็สำเหนียกถึงสัจธรรมได้เหมือนกันว่า โลกเราทุกวันนี้บอบช้ำมากอยู่เหมือนกัน ถ้ามันสามารถเป็นตัวแทนพูดอะไรที่แทนสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกได้ คงเลือกที่จะปิดปากแล้วไม่พูดอะไร แต่อาจจะเป็นการกรีดร้องเสียงดังเสียดแทงเข้าไปให้ลึกถึงจิตใจของมนุษย์ทุกๆคนที่ยังละเลยหรือว่ามองข้ามจุดๆนี้ไปอยู่ ยิ่งเห็นว่าช่วงปีหลังๆนี้ โลกเราเกิดมหันตภัยธรรมชาติเยอะมาก มันอาจจะเป็น Sign อะไีรบางอย่างรึเปล่าที่โลกอยากจะบอกให้มนุษย์ตัวเล็กอยากเรารับรู้ หรือมองกลับกันอาจจะเป็นการเปิดศึกแก้แค้นให้มนุษย์ทุกๆคนได้สำนึกว่าเราเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเล็กๆส่วนหนึ่งเท่านั้นถ้าเทียบกับดาวเคราะห์ดวงนี้ที่ชื่อว่าโลก มาเถอะครับ มาช่วยกันช่วยเหลือโลกเหมือนอย่างที่วู้ดดี้เดาว่า ผู้กำกับก็คงอยากจะบอกอะไรให้พวกเรารับรู้อย่างนั้นเช่นกันครับ

รักโลกครับ

วู้ดดี้ เกิดมารักโลกนิ
21 Oct 2010